เปเยกรีนี่เชื่อมั่นในศักยภาพของอันโตนี่

 

มานูเอล เปเยกรีนี่ ผู้จัดการทีมเรอัล เบติส แสดงความมั่นใจในความสามารถของอันโตนี่ นักเตะคนสำคัญของทีม ที่จะนำพาเบติสสู่ความสำเร็จในการแข่งขันยูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีกปีนี้ ด้วยผลงานที่น่าประทับใจและทักษะที่ยอดเยี่ยมในสนาม อันโตนี่จึงได้รับความไว้วางใจจากโค้ชและวงการฟุตบอลว่าเขาสามารถพาทีมไปถึงเป้าหมายสูงสุดได้

 

อันโตนี่: ความหวังของเบติสในการแข่งขันคอนเฟอเรนซ์

 

เรอัล เบติส ตั้งเป้าสร้างประวัติศาสตร์ในเวทียุโรป โดยมีอันโตนี่เป็นหัวใจสำคัญในแผนการของทีม ด้วยการโจมตีที่เฉียบขาดและการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว เขาสามารถเปลี่ยนแปลงเกมได้ในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ ความสามารถในการทำประตูของเขายังสร้างความได้เปรียบให้กับเบติสในทุกนัดของการแข่งขัน

 

เปเยกรีนี่ชื่นชมการพัฒนาของทีม

 

เปเยกรีนี่ได้กล่าวถึงการพัฒนาของทีมเบติสว่าเป็นผลมาจากความพยายามของนักเตะทุกคน รวมถึงการทำงานหนักของฝ่ายบริหาร การมีนักเตะอย่างอันโตนี่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ และเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับทีมได้อย่างมาก

 

อันโตนี่คอนเฟอเรนซ์เบติส

 

ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่ได้มา อันโตนี่ตั้งใจใช้ทักษะและความสามารถของเขาอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันทีมให้ไปถึงเป้าหมายสูงสุดในการแข่งขันครั้งนี้ เปเยกรีนี่และทีมงานเชื่อว่าเบติสมีศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จในเวทียุโรป และสนับสนุนให้แฟนบอลร่วมเชียร์และให้กำลังใจแก่ทีมอย่างเต็มที่

ความมั่นใจของเปเญกรินี่ในตัวอันโตนี

 

ภายใต้การจัดการที่มีความเชี่ยวชาญของมานูเอล เปเญกรินี่ เรอัล เบติส ตั้งเป้าไปที่การคว้าแชมป์คอนเฟอเรนซ์ ลีก โดยมีอันโตนีเป็นศูนย์กลางในความพยายามอันทะเยอทะยานนี้ การแสดงที่ยอดเยี่ยมของเขามีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของทีมได้อย่างชัดเจน

 

ผลกระทบของอันโตนีที่เบติส

 

อันโตนีได้กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญให้กับเบติสอย่างรวดเร็ว โดยดึงดูดความสนใจด้วยทักษะที่โดดเด่นของเขาในสนาม ความมั่นใจที่ เบติส มีต่อเขาเห็นได้ชัดเจนเมื่อเขายังคงสร้างความประทับใจให้แก่ทั้งแฟนบอลและผู้เชี่ยวชาญ ความสามารถของเขาที่จะเปลี่ยนแปลงเกมด้วยความคิดสร้างสรรค์และการเล่นเชิงกลยุทธ์ถือเป็นทรัพย์สินที่สำคัญ

 

กลยุทธ์ของเปเญกรินี่

 

วิธีการทางยุทธวิธีของเปเญกรินี่เกี่ยวข้องกับการใช้จุดแข็งของอันโตนีอย่างเต็มที่ ด้วยการวางเขาในตำแหน่งสำคัญที่เขาสามารถใช้ความเร็วและวิสัยทัศน์ของเขา เปเญกรินี่ตั้งเป้าที่จะทำลายการป้องกันและสร้างโอกาสในการทำประตู ความสอดประสานระหว่างโค้ชกับผู้เล่นคาดว่าจะผลักดันเบติสไปสู่เป้าหมายในคอนเฟอเรนซ์ ลีก

 

เป้าหมายเพื่อความสำเร็จในคอนเฟอเรนซ์ ลีก

 

ด้วยความเฉลียวฉลาดทางกลยุทธ์ของเปเญกรินี่และความสามารถที่ยอดเยี่ยมในสนามของอันโตนี เบติสกำลังเตรียมพร้อมที่จะสร้างผลกระทบที่สำคัญในเวที คอนเฟอเรนซ์ ลีก ทีมที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานสูงและฐานแฟนคลับที่สนับสนุนกำลังมุ่งมั่นที่จะผ่านการแข่งขันและในที่สุดก็สามารถคว้าแชมป์ได้

 

ในขณะที่ฤดูกาลกำลังเริ่มขึ้น ความร่วมมือระหว่างเปเญกรินี่และอันโตนีถูกคาดหวังว่าจะเป็นปัจจัยกำหนดในเส้นทางของเบติส ไม่ว่าพวกเขาจะสามารถแปลงศักยภาพนี้ให้เป็นความสำเร็จที่จับต้องได้หรือไม่ จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดโดยกลุ่มผู้สนใจในวงการฟุตบอลทั่วโลก

การเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ของเรอัลมาดริด

ในพัฒนาการล่าสุดในโลกของการซื้อขายนักเตะฟุตบอล เรอัลมาดริดได้เล็งเห็นเป้าหมายในการคว้าตัวนักเตะหนุ่มพรสวรรค์ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ที่มีชื่อเสียงในด้านทักษะที่โดดเด่นและความสามารถสูง นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ได้รับความสนใจจากหลายสโมสรชั้นนำ แต่ดูเหมือนว่าเรอัลมาดริดจะยินดีที่จะดำเนินการอย่างจริงจังโดยเตรียมใช้งานเงื่อนปล่อยตัวของเขากับแอธเลติกบิลเบา

การแข่งขันที่ร้อนแรงขึ้น

ด้วยเงื่อนปล่อยตัวที่ตั้งไว้สูงถึง €2,100 ล้าน การจะใช้งานเงื่อนไขนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตาม ความสนใจของเรอัลมาดริดได้ทำให้หลายฝ่ายต้องจับตามอง โดยเฉพาะที่สโมสรคู่แข่งอย่างบาร์เซโลนา การแข่งขันเพื่อดึงตัวนักเตะพรสวรรค์ใหม่เสมอมาพร้อมกับความรุนแรง และการเคลื่อนไหวครั้งนี้โดยมาดริดอาจผลักดันให้บาร์เซโลนาต้องทบทวนกลยุทธ์ของตนเอง

ผลกระทบต่อบาร์เซโลนา

บาร์เซโลนา ซึ่งตระหนักถึงความเสี่ยงที่จะพลาดนักเตะพรสวรรค์อย่างวิลเลี่ยมส์ไปให้กับคู่แข่ง ได้รายงานว่ากำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด การที่นิโก้ วิลเลี่ยมส์อาจย้ายไปร่วมทีมเรอัลมาดริดอาจทำให้ความเป็นปรปักษ์ระหว่างสองยักษ์ใหญ่ในวงการฟุตบอลสเปนนี้ยิ่งรุนแรงขึ้น สิ่งสำคัญคือบาร์เซโลนาต้องประเมินว่าการเคลื่อนไหวนี้จะส่งผลต่อแผนพัฒนาทีมของพวกเขาอย่างไร

โอกาสในอนาคตสำหรับนิโก้ วิลเลี่ยมส์

ในฐานะนักเตะรุ่นใหม่ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ มีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า ไม่ว่าเขาจะยังคงสังกัดแอธเลติกบิลเบาหรือย้ายไปยังทีมโด่งดังอย่างเรอัลมาดริด ความสามารถในการเคลื่อนไหวที่โดดเด่น ความเร็ว และทักษะเทคนิคของเขาทำให้เขาเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับทีมใดก็ตามที่มองหาการเสริมความแข็งแกร่งของตัวเลือกในการโจมตี และการพัฒนาของเขาจะถูกกำหนดโดยสโมสรที่เขาจะเข้าร่วมในที่สุด

เรื่องราวการย้ายทีมที่อาจเกิดขึ้นนี้ชี้ให้เห็นถึงธรรมชาติของการแข่งขันที่ดุเดือดในหมู่สโมสรชั้นนำของยุโรปในการคว้าตัวนักเตะรุ่นใหม่ ซึ่งจะทำให้หน้าต่างการย้ายทีมก่อนทัศนาผู้ที่จะเข้าชมฟุตบอลทั่วโลกน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น

สถานการณ์ที่แอนฟิลด์

ในเกมล่าสุดที่สนามแอนฟิลด์ แฟนบอลต่างพากันโห่ใส่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หลังจากที่เขาทำผลงานไม่เป็นที่พอใจของกองเชียร์ ลิเวอร์พูล การโห่นี้ทำให้บรรยากาศในสนามดูตึงเครียดและส่งผลต่อความมั่นใจของนักเตะเอง

ฟอร์มการเล่นของเทรนต์

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา การเล่นของเทรนต์ทำให้เกิดความกังขาในบางด้าน โดยเฉพาะในการป้องกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนบอล ลิเวอร์พูล คาดหวังให้เขาทำได้ดีกว่านี้ อย่างไรก็ตาม เทรนต์ยังคงมีส่วนสำคัญในการสร้างเกมรุกด้วยทักษะการครอสบอลที่ยอดเยี่ยม

ความคิดเห็นจากผู้จัดการทีม

ผู้จัดการทีมออกมากล่าวว่า “เทรนต์ยังคงเป็นนักเตะที่สำคัญสำหรับเรา การโห่ของแฟนบอลอาจเป็นการแสดงความไม่พอใจชั่วคราว เราต้องสนับสนุนนักเตะของเราเสมอ เขามีความสามารถที่จะพัฒนาและแสดงศักยภาพที่ดีที่สุดของเขา”

แรงกดดันจากฝั่งแฟนบอล

แฟนบอลที่แอนฟิลด์ย่อมมีความคาดหวังสูงกับนักเตะทุกคน โดยเฉพาะในทีมที่มีชื่อเสียงอย่าง ลิเวอร์พูล การโห่และเสียงตำหนิติเตียนเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกทางอารมณ์ แต่ก็ควรคำนึงถึงผลกระทบต่อนักเตะ

ทิศทางในอนาคตของเทรนต์

แม้ว่าเทรนต์จะต้องเผชิญกับการวิจารณ์ในขณะนี้ แต่เขาก็ยังมีเวลาที่จะพัฒนาตนเองเพื่อกลับมาเป็นขวัญใจของแฟนบอล ลิเวอร์พูล อีกครั้ง การรับรู้ถึงจุดอ่อนและการทำงานให้หนักขึ้นจะเป็นกุญแจให้เขาผ่านช่วงเวลายากลำบากนี้ไปได้

อลอนโซ (Xabi Alonso) ประกาศลาตำแหน่งกุนซือ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (Bayer Leverkusen) หลังจบฤดูกาลนี้

เซาบี อลอนโซ (Xabi Alonso) หัวหน้าผู้ฝึกสอนของสโมสร ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (Bayer Leverkusen) ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะลาออกจากตำแหน่งเมื่อจบฤดูกาลนี้ ท่ามกลางรายงานข่าวว่าเขาจะไปรับตำแหน่งแทน คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti) ที่ เรอัล มาดริด (Real Madrid)

กิเยม บาลาเก (Guillem Balague) ผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลสเปนและคอลัมนิสต์ของ บีบีซี สปอร์ต (BBC Sport) ยืนยันว่า อลอนโซ (Alonso) วัย 43 ปี จะเข้าไปแทนที่ อันเชล็อตติ (Ancelotti) ที่ มาดริด (Madrid) แม้ว่ายังไม่มีความชัดเจนว่าการประกาศอย่างเป็นทางการจะเกิดขึ้นเมื่อใด

เมื่อปีที่แล้ว อดีตกองกลางของ ลิเวอร์พูล (Liverpool) และทีมชาติ สเปน (Spain) รายนี้ ได้พา เลเวอร์คูเซน (Leverkusen) คว้าแชมป์คู่ทั้ง บุนเดสลีกา (Bundesliga) โดยไม่แพ้ทีมใดเลย และ เยอรมัน คัพ (German Cup) ในฤดูกาลแรกอย่างเต็มตัวในฐานะผู้จัดการทีมสโมสรระดับอาวุโส

“สัปดาห์นี้ทางสโมสรและผมได้ตกลงกันว่า สองเกมนี้จะเป็นเกมสุดท้ายของผมในฐานะโค้ช ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (Bayer Leverkusen)” อลอนโซ (Alonso) กล่าวเมื่อวันศุกร์

“ยังไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงอนาคตมากนัก เพราะเราต้องการจัดงานอำลาที่เหมาะสมในวันอาทิตย์นี้สำหรับนักเตะบางคนและตัวผมเอง นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะประกาศเรื่องนี้”

“เราต้องเพลิดเพลินกับช่วงเวลานี้ที่มีอารมณ์ผสมผสาน มันเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจ ผมได้พูดคุยเช้านี้กับนักเตะ ทีมงาน และผู้คนอีกมากมายที่ช่วยเหลือผมตลอดสามปีที่ยอดเยี่ยมและน่าทึ่งนี้”

“ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่จะแบ่งปันความรู้สึกนี้กับแฟนๆ ในสนามแห่งนี้ ที่ผมได้สัมผัสอารมณ์ที่ยอดเยี่ยมและกลายเป็นตัวผมในปัจจุบัน”

เลเวอร์คูเซน (Leverkusen) ซึ่งได้เสียตำแหน่งแชมป์ บุนเดสลีกา (Bundesliga) ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค (Bayern Munich) เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว จะเป็นเจ้าบ้านรับการมาเยือนของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund) ในวันอาทิตย์นี้ ก่อนจะปิดฉากฤดูกาลด้วยการไปเยือน ไมนซ์ (Mainz) ในวันที่ 17 พฤษภาคมและหากใครไม่อยากพลาด ช่องทางเข้า sbobet สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

อดีตนักฟุตบอลทีมชาติ สเปน (Spain) รายนี้ เคยค้าแข้งให้กับ เรอัล (Real) ระหว่างปี 2009 ถึง 2014 หลังจากใช้เวลาห้าปีกับ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ก่อนจะจบอาชีพนักฟุตบอลหลังจากอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค (Bayern Munich) เป็นเวลาสามปีในปี 2017

อลอนโซ (Alonso) เคยถูกโยงกับ เรอัล (Real), ลิเวอร์พูล (Liverpool) และ บาเยิร์น (Bayern) เมื่อปีที่แล้ว แต่เขากล่าวในเดือนมีนาคม 2024 ว่าต้องการอยู่กับ เลเวอร์คูเซน (Leverkusen) ต่อไปหลังจากมีการพูดคุยกับผู้บริหารของสโมสร

เมื่อเดือนที่แล้ว ในขณะที่ เลเวอร์คูเซน (Leverkusen) ยังคงต่อสู้เพื่อแชมป์ บุนเดสลีกา (Bundesliga) อลอนโซ (Alonso) กล่าวว่า “ไม่ใช่เวลาที่ดี” ที่จะพูดถึงอนาคตของเขาท่ามกลางข่าวลือเกี่ยวกับ เรอัล (Real) ที่ยังคงมีอยู่

เฟอร์นันโด คาร์โร (Fernando Carro) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ เลเวอร์คูเซน (Leverkusen) ยืนยันในเดือนเมษายนว่า อลอนโซ (Alonso) “สบายดี” ที่สโมสรและกำลังวางแผนสำหรับฤดูกาลหน้าแล้ว

บีบีซี สปอร์ต (BBC Sport) รายงานเมื่อเดือนที่แล้วว่า คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti) กุนซือ เรอัล มาดริด (Real Madrid) จะมีการเจรจาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับตำแหน่งโค้ชทีมชาติ บราซิล (Brazil) ก่อนการแข่งขันรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 ในเดือนมิถุนายน

อันเชล็อตติ (Ancelotti) เข้ารับตำแหน่งที่ เรอัล (Real) เป็นสมัยที่สองในปี 2021 และได้คว้าแชมป์ แชมเปียนส์ ลีก (Champions League) กับสโมสรนี้สามครั้ง

แต่ทีมของชาวอิตาเลียนวัย 65 ปีรายนี้ ไม่สามารถผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ แชมเปียนส์ ลีก (Champions League) เป็นเพียงสามครั้งในรอบ 12 ฤดูกาล และพวกเขาตามหลัง บาร์เซโลนา (Barcelona) อยู่สี่คะแนนโดยเหลือการแข่งขันอีกสี่นัดก่อนการพบกันในศึก เอล กลาซิโก (El Clasico) ที่สำคัญในวันอาทิตย์นี้

ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น: ความก้าวหน้าในอาชีพการเป็นผู้จัดการทีมของ อลอนโซ (Alonso) จนถึงปัจจุบัน

อลอนโซ (Alonso) เริ่มต้นบทบาทการเป็นโค้ชครั้งแรกกับทีมอายุต่ำกว่า 14 ปีของ เรอัล มาดริด (Real Madrid) ในปี 2018

หลังจากทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในช่วงสามปีที่คุมทีม B ของ เรอัล โซเซียดาด (Real Sociedad) เขาได้รับตำแหน่งผู้จัดการทีมครั้งแรกในฟุตบอลทีมชุดใหญ่ที่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (Bayer Leverkusen) ในเดือนตุลาคม 2022

เขายกระดับสโมสรจากอันดับรองสุดท้ายขึ้นมาจบอันดับที่ 6 ใน บุนเดสลีกา (Bundesliga) ฤดูกาล 2022-23 ก่อนที่จะพาทีมคว้าแชมป์ลีกเยอรมันเป็นครั้งแรกของสโมสรและกลายเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์การแข่งขันโดยไม่แพ้ใคร

ความพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก (Europa League) ต่อ อตาลันตา (Atalanta) เป็นความพ่ายแพ้ครั้งเดียวใน 53 เกมในทุกรายการ ก่อนที่พวกเขาจะคว้าแชมป์คู่ในประเทศด้วยการชนะ เยอรมัน คัพ (German Cup)

แม้จะแพ้เพียงสองครั้งใน บุนเดสลีกา (Bundesliga) ฤดูกาลนี้ การป้องกันแชมป์ของ เลเวอร์คูเซน (Leverkusen) ก็จบลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยการเสมอกับ ไฟรบวร์ก (Freiburg)

ทีมของ อลอนโซ (Alonso) ถูกคัดออกจาก แชมเปียนส์ ลีก (Champions League) ฤดูกาลนี้ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายโดย บาเยิร์น มิวนิค (Bayern Munich) ในขณะที่พวกเขาพ่ายแพ้อย่างน่าตกใจต่อ อาร์มิเนีย บีเลเฟลด์ (Arminia Bielefeld) ทีมจากดิวิชั่น 3 ในรอบรองชนะเลิศ เยอรมัน คัพ (German Cup)

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ เซาบี อลอนโซ มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และหากใครไม่อยากพลาด ช่องทางเข้า sbobet สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

 

ตำนานหมาจิ้งจอกผู้ไม่มีวันถูกลืม: เรื่องราวของ เจมี่ วาร์ดี้ 

“นักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล” ของ เลสเตอร์ ซิตี้ (Leicester City) เมื่อ เจมี่ วาร์ดี้ (Jamie Vardy) ประกาศอำลาสโมสรในตอนสิ้นสุดฤดูกาลนี้ เขาจะทิ้งตำนานไว้ให้กับสโมสรที่เขารับใช้มาอย่างยาวนานถึง 13 ปี

จากนักฟุตบอลระดับนอกลีกในปี 2010 สู่การนำพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก (Premier League) อย่างน่าทึ่งเพียงหกปีหลังจากนั้น วาร์ดี้ทำประตูให้ทีม “หมาจิ้งจอก” ไปถึง 198 ประตู และอีก 7 ประตูจากการลงเล่น 26 นัดให้กับทีมชาติ อังกฤษ (England)

กองหน้าจอมพลัง เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความท้าทาย วาร์ดี้ได้ก้าวกระโดดอย่างน่าทึ่งจาก สต็อคบริดจ์ พาร์ค สตีลส์ (Stocksbridge Park Steels) มาเป็นตำนานของ เลสเตอร์ ซิตี้ มีเพียง แฮร์รี่ เคน (Harry Kane) และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) เท่านั้นที่ทำประตูในลีกสูงสุดได้มากกว่าวาร์ดี้ ผู้เกิดใน เชฟฟิลด์ (Sheffield) ในทศวรรษที่ผ่านมา

การจากไปของนักเตะวัย 38 ปีจาก คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม (King Power Stadium) เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของสโมสรหลังจากการตกชั้น ตัวหลักของทีม ผู้เป็นจิตวิญญาณในแนวรุกในช่วงที่เขาทำผลงานได้ดีที่สุด เติบโตไปพร้อมกับสโมสรและเป็นหัวใจของเรื่องราวอันน่าทึ่ง – นิทานเทพนิยายที่สรุปได้จากความสำเร็จในการคว้าแชมป์ปี 2016 ที่ท้าทายทุกความเป็นไปได้และหากใครไม่อยากพลาด วิเคราะห์บอลไทย สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

ตำนานที่จะไม่มีวันถูกลืม

“เขาคือนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ เลสเตอร์ อย่างเห็นได้ชัด” มาร์ค อัลไบรตัน (Marc Albrighton) อดีตเพื่อนร่วมทีมกล่าวกับ บีบีซี สปอร์ต (BBC Sport)

“ทุกสิ่งที่เขาประสบความสำเร็จทั้งส่วนตัวและกับทีมจะไม่มีวันถูกลืมโดยแฟนๆ ของ เลสเตอร์ และสโมสร มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับทุกคนเพราะผู้คนเติบโตมากับการได้เห็นเขาเล่น จะต้องใช้เวลาในการปรับตัวที่จะไม่มีเขาอยู่ในสโมสรอีกต่อไป”

วาร์ดี้ทำประตูไป 198 ครั้งจากการลงเล่น 496 นัดให้กับ “หมาจิ้งจอก” นับตั้งแต่ย้ายมาจาก ฟลีตวู้ด (Fleetwood) ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ในปี 2012 แสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่นำไปสู่การติดทีมชาติในศึก ยูโร 2016 (Euro 2016) และ ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 2018 (FIFA World Cup 2018)

แม้ก่อนหน้าการคว้าแชมป์อันน่าจดจำและน่าอัศจรรย์ เขาก็ช่วยให้ เลสเตอร์ หนีการตกชั้นแบบ ‘Great Escape’ ในฤดูกาล 2014-15 ที่พวกเขาชนะเจ็ดจากเก้านัดสุดท้ายภายใต้การคุมทีมของ ไนเจล เพียร์สัน (Nigel Pearson)

วาร์ดี้ยังทำประตูใน แชมเปี้ยนส์ ลีก (Champions League) และ ยูโรปา ลีก (Europa League) และคว้ารางวัลดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2019-20 หลังจากทำได้ 23 ประตู – เป็นผู้คว้ารางวัลนี้ที่อายุมากที่สุดที่อายุ 33 ปี

อนาคตของวาร์ดี้และเลสเตอร์

วาร์ดี้ซึ่งจะอายุ 39 ปีในเดือนมกราคมหน้า ต้องการเล่นต่อไปและจะมีทีมมากมายที่สนใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ

เขากล่าวว่า “นี่ไม่ใช่การเกษียณ ผมอยากเล่นต่อไปและทำในสิ่งที่ผมชอบที่สุด นั่นคือการยิงประตู หวังว่าจะมีอีกหนึ่งหรือสองประตูให้กับ เลสเตอร์ ระหว่างนี้จนถึงสิ้นสุดฤดูกาลและอีกมากมายในอนาคต”

“ผมอาจจะอายุ 38 แล้ว แต่ผมยังมีความปรารถนาและความทะเยอทะยานที่จะประสบความสำเร็จอีกมาก”

เร็กแซม (Wrexham) ถูกกล่าวถึงว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นไปได้ก่อนการประกาศ และการเติบโตของพวกเขาจาก เนชั่นแนล ลีก (National League) มาจนเกือบได้เลื่อนชั้นสู่ แชมเปี้ยนชิป (Championship) มีความคล้ายคลึงกับการเดินทางส่วนตัวของวาร์ดี้เอง

เขาน่าจะได้รับความสนใจจาก เมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ (Major League Soccer) และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ดีน สมิธ (Dean Smith) ผู้จัดการทีม ชาร์ลอตต์ เอฟซี (Charlotte FC) ในช่วงที่เขาคุมทีม “หมาจิ้งจอก” เมื่อสองปีก่อน

แต่เมื่อ “หมาจิ้งจอก” กำลังมองหาบทใหม่ในการแข่งขันและชีวิต วงการฟุตบอลอาจไม่มีวันเห็นเรื่องราวแบบของเขาและ เลสเตอร์ อีกแล้ว

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ เจมี่ วาร์ดี้ มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และหากใครไม่อยากพลาด วิเคราะห์บอลไทย สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

 

ในคืนวันแห่งความสำเร็จอันน่าประทับใจ เฟอร์ราน ตอเรส (Ferran Torres) ได้พิสูจน์ตนเองอีกครั้งว่าเป็นนักฟุตบอลที่มีความสำคัญให้กับทีมบาร์เซโลนา (Barcelona) โดยการยิงประตูเพียงลูกเดียวที่ส่งทีมเข้าสู่การแข่งขันชิงชนะเลิศถ้วยพระราชา (Copa del Rey) ในศึกที่สนามเมโทรโพลิตาโน (Metropolitano) 

 

การตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของ ฮันซี ฟลิค (Hansi Flick) หลังเขาเลือ เฟอร์ราน ตอเรส ลงตัวจริง แทน เลวานดอฟสกี้

 

โค้ชฮันซี ฟลิค (Hansi Flick) ได้ตัดสินใจที่กล้าหาญและน่าสนใจในการเลือกให้ เฟอร์ราน ตอเรส(Ferran Torres) เป็นผู้เล่นตัวจริง แทนที่ จอร์จ เลวานดอฟสกี้ (Robert Lewandowski) ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ได้รับการตอบแทนอย่างคุ้มค่า ฟลิคกล่าวก่อนการแข่งขันว่า “เฟอร์รันกำลังตอบสนองได้ดีกับเวลาลงเล่น และกำลังเป็นนักเตะที่สำคัญ นอกจากนี้เขายังเคยลงเล่นในตำแหน่งนี้มาก่อนในการแข่งขันถ้วยพระราชา” นักเตะวัย 25 ปีจากเมืองฟอยอส (Foios) กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอาชีพการเล่นฟุตบอล วิธีแทงบอลออนไลน์ เขาทำประตูไปแล้วทั้งหมด 16 ประตู แบ่งเป็น 9 ประตูในลีกา (LaLiga) 2 ประตูในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก (UEFA Champions League) และ 5 ประตูในถ้วยพระราชา (Copa del Rey)

 

ในเกมนี้นั้น เฟอร์ราน ตอเรส (Ferran Torres)  ยิงประตูโทน ประตูเดียว ช่วยส่งให้บาร์เซโลนาเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศสำเร็จ 

 

โดยเขาลงเล่นจนถึงนาทีที่ 74 ก่อนที่โค้ชฟลิคจะเรียกตัวลงมานั่งพัก โดยให้ เลวานดอฟสกี้ (Lewandowski) ขึ้นมาแทน หลังการแข่งขัน เฟอร์ราน ตอเรส(Ferran Torres)  กล่าวถึงความรู้สึกว่า “การชนะที่นี่ถือว่าดีมาก วิธีแทงบอลออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราสามารถคว้าสิทธิ์ในการเข้าสู่การแข่งขันชิงชนะเลิศ เราในทีมรู้สึกว่าตัวเองเป็นทีมที่มีโอกาสชนะ แต่เราจะไม่ประมาท เราจะยังคงทำงานอย่างถ่อมตนและแน่นอนว่าจะมีสิ่งดีๆ ตามมา” บาร์เซโลนาได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเข้าสู่การแข่งขันชิงชนะเลิศถ้วยพระราชาครั้งที่ 42 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์การแข่งขัน โดยทีมเคยคว้าถ้วยรางวัลมาแล้วถึง 31 ครั้ง นอกจากนี้ ในปีนี้ทีมยังคว้าแชมป์ซูเปอร์คัพแห่งสเปน (Supercopa de España) มาครองอีกด้วย การแข่งขันชิงชนะเลิศจะเกิดขึ้นที่ลาคาร์ทุฆา (La Cartuja) โดยจะพบกับไรอัล มาดริด (Real Madrid) ซึ่งในนัดแรกทั้งสองทีมเสมอกัน 4-4 เป็นเกมที่น่าติดตามอย่างยิ่ง เฟอร์ราน ตอเรส  ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นนักเตะที่มีความสำคัญต่อทีมบาร์เซโลนา ด้วยการยิงประตูและการเล่นที่มีคุณภาพ เขาได้ช่วยให้ทีมเข้าสู่การแข่งขันชิงชนะเลิศถ้วยพระราชา และสร้างความหวังในการคว้าแชมป์ให้กับแฟนๆ ชาวบาร์เซโลนา ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความสามารถส่วนตัวของเฟอร์รัน แต่ยังเป็นการยืนยันถึงกลยุทธ์และวิสัยทัศน์ของโค้ชฮันซี ฟลิคอีกด้วย การตัดสินใจที่กล้าหาญในการเลือกให้เฟอร์รันเป็นผู้เล่นตัวจริงแทนที่นักเตะระดับโลกอย่าง เลวานดอฟสกี้ ได้รับการตอบแทนอย่างคุ้มค่า